วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556

อัตชีวประวัติ


อัตชีวประวัติ



ชื่อ-นามสกุล : นางสาวนิภารัตน์    รุมกิ่ง                    ชื่อเล่น : ยุ้ย
วันเกิด : ศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน  2536
กำลังศึกษา : ชั้นปีที่ 2 หลักสูตรการประถมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
คติประจำใจ : เดินซัดเซไปช้างหน้า ดีกว่ายืนตั้งท่าอยู่กับที่

ชีวิตในวัยเด็ก : ดิฉันเกิดที่บ้านนาคำ  ตำบลเดิด อำเภอเมือง  จังหวัดยโสธร  แต่มีความจำเป็นต้องพลัดพรากจากภูมิลำเนามาอยู่ที่จังหวัดชลบุรี  ตั้งแต่อายุได้2เดือน แม่เล่าให้ฟังว่าพ่อของดิฉันท่านเป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ด  แต่เมื่อท่านได้รับการเกณฑ์ทหารจึงได้มาอยู่รับใช้บ้านนายที่จังหวัดยโสธรจนได้พบเจอกับแม่  พื้นฐานครอบครัวเดิมของพ่อดิฉันมีพี่น้องร่วมบิดาทั้งหมด 4 คน  ปู่กับย่าแยกทางกันตั้งแต่พ่ออยู่ชั้นประถมปีที่3 ด้วยความที่พ่อเป็นพี่ชายคนโต  ท่านจึงต้องลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัว  โดยท่านได้ไปอาศัยเป็นคนงานในไร่ส้มที่จังหวัดศรีษะเกษกับญาติ  ตอนนั้นพ่อดิฉันอายุได้10ปี  จากนั้นพ่อก็ไปเป็นชาวสวนอ้อย รับจ้างตัดอ้อย 3-4 เดือนจะได้กลับมาหาย่ามาหาน้อง  พ่อเคยเล่าให้ฟังว่าสมัยเด็กๆพ่อกินข้าวกับตำมะยม  กินข้าวกับมะม่วงสุก มีอะไรก็ต้องกินกับอันนั้นเพราะไม่มีเงินที่จะซื้ออาหาร  เมื่อพ่อมาพบกับแม่   ด้วยความจนของพ่อจึงทำให้ตาไม่พอใจที่แม่จะครองรักกัน  ความรักของพ่อและแม่จึงมีอุปสรรคทางการเงินขัดขวางมาโดยตลอด  หลังจากแม่ตั้งท้องได้ 5 เดือน  พ่อจึงนำพาชะตาชีวิตตนเองไปพิสูจน์ตัวเองให้ตาเห็นว่าพ่อจะสามารถเลี้ยงดูแม่ได้  โดยไปทำงานโรงงานอยู่ที่จังหวัดชลบุรี                                     
                      เมื่อดิฉันคลอดได้ 2 เดือน แม่จึงพาดิฉันตามไปหาพ่อที่ชลบุรี  พ่อมาที่นี่แบบไม่มีอะไร มาแต่ตัวและกระเป๋าเสื้อผ้า1ใบ  คืนแรกของการนอนต่างบ้านต่างเมืองเป็นคืนที่แสนจะทรมาน  แม่เล่าให้ฟังว่ายุงกัดตามตัวดิฉันเต็มไปหมด  ด้วยความสงสารเพื่อนห้องข้างๆจึงนำพัดลมและมุ้งมาให้  เงินก้อนแรกของพ่อที่ได้จากการทำงาน  พ่อนำมาซื้อจักรยานไว้สำหรับเดินทางไปทำงานในทุกๆเช้า  พ่อเริ่มสร้างครอบครัว สร้างฐานะความเป็นอยู่ขงครอบครัวให้ดีขึ้น   สามปีต่อมา  พ่อซื้อรถจักรยานยนต์คันแรกด้วยราคา 1,200 บาท  เป็นรถที่มีลักษณะใหญ่  เสียงดัง  เก่าๆ แต่ยังคงสามารถใช้งานได้  พ่อจึงตัดสินใจนำมาต่อพ่วงเพื่อขายก๋วยเตี๋ยวจับกัง  ทุกๆเช้าพ่อจะขี่รถพ่วงเก่าๆขึ้นเขา  เพื่อพาดิฉันไปส่งโรงเรียนที่อยู่ในวัดแห่งหนึ่ง  ซึ่งดิฉันอยู่โรงเรียนวัดมาตั้งแต่อนุบาลถึงชั้นประถมปีที่ 6 เพื่อนๆในห้องจะพากันล้อเลียนเสียงรถพ่วงเก่าๆของพ่ออยู่เป็นประจำ  จนบางครั้งดิฉันอดน้อยใจในชะตาชีวิตไม่ได้  7 ปีผ่านไป  พ่อได้ซื้อรถจักรยานยนต์คันใหม่ด้วยเงินสดจำนวน 35,000 บาท  จากนั้นอีก2ปีต่อมา  พ่อได้ผ่อนรถกระบะมือ2  มาไว้ใช้เพื่อเดินทางไปกลับ ชลบุรี-ยโสธร และเมื่อ6ปีที่แล้วท่านก็ได้ซื้อรถกระบะป้ายแดง มาด้วยราคา 760,000 บาท ซื้อบ้านเดี่ยวขนาดปานกลาง  และซื้อที่ดินซึ่งปัจจุบันกำลังปลูกยางพาราจำนวน 11 ไร่  จนทุกวันนี้พ่อสามารถพิสูจน์ตัวเองให้ตายอมรับในความไม่ยอมแพ้กับชะตาชีวิตได้
                  ตั้งแต่จำความได้  พ่อคือผู้ชายที่อดทนต่อสู้กับโชคชะตา  กัดฟันสู้  ดิ้นรนจนสุดแรงมาโดยตลอด ความเหน็ดเหนื่อย  ความมุมานะเพียรพยายามของพ่อ  เป็นตัวอย่างที่ไม่ได้มาจากคำพูด  หากแต่การกระทำที่เป็นตัวอย่างที่ดีทั้งสิ้น

ข้อคิดจากอัตชีวประวัติ  :
               ชีวิตคนเราไม่สามารถเลือกสถานที่เกิด  เลือกพ่อ  เลือกแม่  เลือกฐานะความเป็นอยู่  หรือแม้แต่เลือกความมีชื่อเสียงได้  แต่ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นหรือไม่นั้น  เราเป็นผู้สร้างเองได้

ชีวิตในอนาคต :
                   จากภาพความเหน็ดเหนื่อย  จากภาพความลำบาก  จากภาพการดิ้นรนต่อสู้ของพ่อและแม่  ทำให้ดิฉันมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเลี้ยงดูให้ท่านทั้งสอง  ท่านเหนื่อยมามาก  ดิฉันอยากให้ท่านสบายทั้งกายและใจในช่วงปลายของชีวิต   จึงเลือกที่จะประกอบวิชาชีพชีพครู  เพราะคำพูดของแม่ที่เคยฝากดิฉันไว้ว่า ความฝันของแม่  แม่ทำไม่ได้  ฝากลูกช่วยทำความฝันของแม่ให้เป็นจริงด้วย และหวังว่าประสบการณ์ทางครอบครัวของดิฉันจะช่วยสอนให้ลูกศิษย์มีความคิดที่ดีต่อบุพการี  และเป้าหมายสูงสุดในชีวิตราชการของดิฉันคือ  ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนค่ะ  
*** ผู้ที่ทำให้ดิฉันมีทุกวันนี้ "ครอบครัว" :))

1 ความคิดเห็น: