อัตชีวประวัติ
ชื่อ-นามสกุล
: นางสาวนิภารัตน์
รุมกิ่ง ชื่อเล่น : ยุ้ย
วันเกิด
: ศุกร์ที่
26 พฤศจิกายน 2536
กำลังศึกษา
: ชั้นปีที่ 2 หลักสูตรการประถมศึกษา
คณะครุศาสตร์ มหาวิยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
คติประจำใจ
: เดินซัดเซไปช้างหน้า
ดีกว่ายืนตั้งท่าอยู่กับที่
ชีวิตในวัยเด็ก
: ดิฉันเกิดที่บ้านนาคำ
ตำบลเดิด อำเภอเมือง
จังหวัดยโสธร
แต่มีความจำเป็นต้องพลัดพรากจากภูมิลำเนามาอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ตั้งแต่อายุได้2เดือน
แม่เล่าให้ฟังว่า…พ่อของดิฉันท่านเป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ด แต่เมื่อท่านได้รับการเกณฑ์ทหารจึงได้มาอยู่รับใช้บ้านนายที่จังหวัดยโสธรจนได้พบเจอกับแม่
พื้นฐานครอบครัวเดิมของพ่อดิฉันมีพี่น้องร่วมบิดาทั้งหมด 4 คน
ปู่กับย่าแยกทางกันตั้งแต่พ่ออยู่ชั้นประถมปีที่3
ด้วยความที่พ่อเป็นพี่ชายคนโต
ท่านจึงต้องลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัว
โดยท่านได้ไปอาศัยเป็นคนงานในไร่ส้มที่จังหวัดศรีษะเกษกับญาติ ตอนนั้นพ่อดิฉันอายุได้10ปี จากนั้นพ่อก็ไปเป็นชาวสวนอ้อย รับจ้างตัดอ้อย 3-4
เดือนจะได้กลับมาหาย่ามาหาน้อง
พ่อเคยเล่าให้ฟังว่าสมัยเด็กๆพ่อกินข้าวกับตำมะยม กินข้าวกับมะม่วงสุก
มีอะไรก็ต้องกินกับอันนั้นเพราะไม่มีเงินที่จะซื้ออาหาร เมื่อพ่อมาพบกับแม่
ด้วยความจนของพ่อจึงทำให้ตาไม่พอใจที่แม่จะครองรักกัน ความรักของพ่อและแม่จึงมีอุปสรรคทางการเงินขัดขวางมาโดยตลอด หลังจากแม่ตั้งท้องได้ 5 เดือน พ่อจึงนำพาชะตาชีวิตตนเองไปพิสูจน์ตัวเองให้ตาเห็นว่าพ่อจะสามารถเลี้ยงดูแม่ได้ โดยไปทำงานโรงงานอยู่ที่จังหวัดชลบุรี
เมื่อดิฉันคลอดได้
2 เดือน แม่จึงพาดิฉันตามไปหาพ่อที่ชลบุรี พ่อมาที่นี่แบบไม่มีอะไร
มาแต่ตัวและกระเป๋าเสื้อผ้า1ใบ คืนแรกของการนอนต่างบ้านต่างเมืองเป็นคืนที่แสนจะทรมาน แม่เล่าให้ฟังว่ายุงกัดตามตัวดิฉันเต็มไปหมด ด้วยความสงสารเพื่อนห้องข้างๆจึงนำพัดลมและมุ้งมาให้ เงินก้อนแรกของพ่อที่ได้จากการทำงาน พ่อนำมาซื้อจักรยานไว้สำหรับเดินทางไปทำงานในทุกๆเช้า
พ่อเริ่มสร้างครอบครัว สร้างฐานะความเป็นอยู่ขงครอบครัวให้ดีขึ้น สามปีต่อมา พ่อซื้อรถจักรยานยนต์คันแรกด้วยราคา 1,200 บาท เป็นรถที่มีลักษณะใหญ่ เสียงดัง
เก่าๆ แต่ยังคงสามารถใช้งานได้
พ่อจึงตัดสินใจนำมาต่อพ่วงเพื่อขายก๋วยเตี๋ยวจับกัง ทุกๆเช้าพ่อจะขี่รถพ่วงเก่าๆขึ้นเขา เพื่อพาดิฉันไปส่งโรงเรียนที่อยู่ในวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งดิฉันอยู่โรงเรียนวัดมาตั้งแต่อนุบาลถึงชั้นประถมปีที่
6 เพื่อนๆในห้องจะพากันล้อเลียนเสียงรถพ่วงเก่าๆของพ่ออยู่เป็นประจำ จนบางครั้งดิฉันอดน้อยใจในชะตาชีวิตไม่ได้ 7 ปีผ่านไป พ่อได้ซื้อรถจักรยานยนต์คันใหม่ด้วยเงินสดจำนวน
35,000 บาท
จากนั้นอีก2ปีต่อมา
พ่อได้ผ่อนรถกระบะมือ2 มาไว้ใช้เพื่อเดินทางไปกลับ ชลบุรี-ยโสธร และเมื่อ6ปีที่แล้วท่านก็ได้ซื้อรถกระบะป้ายแดง
มาด้วยราคา 760,000 บาท ซื้อบ้านเดี่ยวขนาดปานกลาง และซื้อที่ดินซึ่งปัจจุบันกำลังปลูกยางพาราจำนวน
11 ไร่ จนทุกวันนี้พ่อสามารถพิสูจน์ตัวเองให้ตายอมรับในความไม่ยอมแพ้กับชะตาชีวิตได้
ตั้งแต่จำความได้ พ่อคือผู้ชายที่อดทนต่อสู้กับโชคชะตา กัดฟันสู้
ดิ้นรนจนสุดแรงมาโดยตลอด ความเหน็ดเหนื่อย
ความมุมานะเพียรพยายามของพ่อ เป็นตัวอย่างที่ไม่ได้มาจากคำพูด หากแต่การกระทำที่เป็นตัวอย่างที่ดีทั้งสิ้น
ข้อคิดจากอัตชีวประวัติ
:
ชีวิตคนเราไม่สามารถเลือกสถานที่เกิด เลือกพ่อ
เลือกแม่
เลือกฐานะความเป็นอยู่ หรือแม้แต่เลือกความมีชื่อเสียงได้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นหรือไม่นั้น เราเป็นผู้สร้างเองได้
ชีวิตในอนาคต
:
จากภาพความเหน็ดเหนื่อย จากภาพความลำบาก จากภาพการดิ้นรนต่อสู้ของพ่อและแม่ ทำให้ดิฉันมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเลี้ยงดูให้ท่านทั้งสอง ท่านเหนื่อยมามาก ดิฉันอยากให้ท่านสบายทั้งกายและใจในช่วงปลายของชีวิต
จึงเลือกที่จะประกอบวิชาชีพชีพครู เพราะคำพูดของแม่ที่เคยฝากดิฉันไว้ว่า “ความฝันของแม่ แม่ทำไม่ได้ ฝากลูกช่วยทำความฝันของแม่ให้เป็นจริงด้วย” และหวังว่าประสบการณ์ทางครอบครัวของดิฉันจะช่วยสอนให้ลูกศิษย์มีความคิดที่ดีต่อบุพการี
และเป้าหมายสูงสุดในชีวิตราชการของดิฉันคือ ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนค่ะ
*** ผู้ที่ทำให้ดิฉันมีทุกวันนี้ "ครอบครัว" :))
👏🏻👏🏻👏🏻👏🏻
ตอบลบ