วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

บันทึกสะท้อนการเรียนรู้ครั้งที่10

1.) ความรู้ที่ได้รับ
การเขียนรายงานวิชาการ
ความสำคัญ   นักศึกษาได้เรียนรู้วิธีการรวบรวมข้อมูล    พัฒนาความรู้ความคิดของนักศึกษา   แล้วนำเสนอความรู้ความคิดอย่างมีระบบ
ขั้นตอนการทำ
1.              พิจารณาวัตถุประสงค์
2.              กำหนดหัวเรื่อง
3.              ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดขอบเขต
4.              รวบรวมและบันทึกข้อมูล
5.              วิเคราะห์ข้อมูล (อ่าน  ตีความ  ขยายความ  วิเคราะห์  สรุป)
6.              เชื่อมโยงข้อมูลให้สัมพันธ์
7.              รวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ
8.              ตรวจสอบความถูกต้อง
9.              จัดรูปเล่มให้เหมาะสม
องค์ประกอบของรายงานวิชาการ
-         ชื่อเรื่อง
-         ชื่อผู้ทำรายงาน
-         คำนำ
-         สารบัญ
-         บทนำ
-         เนื้อหา
-         บทสรุป
-         บรรณานุกรม
2.) ความรู้ใหม่
                การเสนอโครงการเพื่อของบประมาณจากทางราชการ  ส่วนใหญ่จะไม่ได้รับงบทันที  อาจจะต้องสำรองจ่ายก่อนล่วงหน้า
3.) ข้อเสนอแนะ
                ด้วยระยะเวลาที่ค่อนข้างจำกัด  จึงทำให้การเรียนการสอนรวดเร็วและเร่งรัดกว่าทุกครั้ง


นางสาวนิภารัตน์   รุมกิ่ง  55113400169  ตอนเรียน D1



วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

บันทึกสะท้อนการเรียนรู้ครั้งที่ 9

1.) ความรู้ที่ได้รับ ระเบียบงานสารบัญและการเขียนหนังสือราชการ 1. การจัดทำ 2. การรับ 3. การส่ง 4. การเก็บรักษา 5. การยืม 6. การทำลาย ชั้นความเร็วและชั้นความลับ ชั้นความเร็ว - ด่วนที่สุด คือ ต้องส่งเอกสารหลังจากจากที่ได้รับภายในวันนั้นๆ - ด่วนมาก คือ ส่งเอกสารหลังจากได้รับภายใน 24 ชั่วโมง - ด่วน คือ ต้องส่งเอกสารออกก่อนพรุ่งนี้ในเวลาราชการ ชั้นความลับ - ลับที่สุด คือ ความลับที่หากรั่วไหลจะส่งผลร้ายแรงต่อประเทศชาติ - ลับมาก คือ ความลับหากรั่วไหลจะส่งผลต่อความมั่นคง ความปลอดภัยของประเทศชาติ - ลับ คือ ความลับที่รั่วไหลจะส่งผลต่อระบบราชการ หรือประเทศชาติ การจัดทำสำเนา 1. สำเนาคู่ฉบับ คือสำเนาที่จัดทำขึ้นพร้อมกัน เก็บไว้ที่เจ้าของเรื่อง ผู้ร่าง ผู้พิมพ์ ผู้ตรวจ เซ็นชื่อไว้ด้านล่างขวา 2. สำเนา คือ มีคำรับรอง “สำเนาถูกต้อง” เจ้าหน้าที่ระดับสองขึ้นไป รับรองสำเนาเก็บไว้สารบัญกลาง ชนิดของหนังสือราชการ 1. หนังสือภายนอก ใช้ติดต่อระหว่างองค์กรและภายนอก 2. หนังสือภายใน ติดต่อภายในหน่วยงาน 3. หนังสือประทับตรา คือ ใช้สำหรับเพิ่มเติมเอกสารจากภายนอก 4. หนังสือสั่งการ คือ คำสั่ง ระเบียบ ข้อบังคับ 5. หนังสือประชาสัมพันธ์ เช่น ประกาศ แถลงการณ์ ข่าว 6. หนังสือที่เจ้าหน้าทีทำขึ้นหรือรับไว้ เช่น หนังสือรับรอง รายงานการประชุม ฯลฯ 2.) ความรู้ใหม่ ในวาระที่1 การแจ้งให้ทราบของประธานในการประชุม ผู้เข้าร่วมประชุมรับทราบเท่านั้น ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ในวาระนี้ 3.) ข้อเสนอแนะ บรรยากาศในห้องเรียนวันนี้สงแดดค่อนข้างน้อยมาก จึงเป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ของนักศึกษา ทำให้รู้สึกง่วงมากกว่าทุกๆสัปดาห์ นางสาวนิภารัตน์ รุมกิ่ง 55113400169 ตอนเรียน D1

วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

บันทึกสะท้อนการเรียนรู้ครั้งที่ 8

        สิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้

จดหมายกิจธุระ  เป็นจดหมายระหว่างบุคคลต่อบุคคลที่ติดต่อสื่อสารกันด้วย กิจธุระ

จดหมายเปิดผนึก  เป็นจดหมายประเภทกิจธุระเขียนเผยแพร่ต่อสาธารณะชน สื่อมวลชน ซึ่งส่วนมากได้แค่หนังสือพิมพ์ หรือวิทยุกระจายเสียงเผยแพร่สื่ออินเตอร์เน็ตเพื่อลงหรือประกาศข้อความในจดหมายให้ประชาชนทั่วไปทราบในความของจดหมายชนิดนี้มีลักษณะเปิดเผยและเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเสนอแนะ แสดงความรู้สึก แสดงความจริง บอกกล่าว ขอความร่วมมือ ท้วงติง หรือร้องเรียน

จดหมายราชการ  หรือหนังสือราชการเป็นจดหมายที่ติดต่อสื่อสารระหว่างส่วนราชการหนึ่งกับอีกส่วนราชการหนึ่งหรือติดต่อสื่อสารกันในระหว่างกระทรวง ทบวง กรม กอง เดียวกัน รวมทั้งติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานเอกชนต่างๆด้วย จดหมายที่ติดต่อกับหน่วยงานนอกกระทรวง เรียกว่าหนังสือภายนอก ส่วนจดหมายที่ติดต่อภายในหน่วยงาน เรียกว่า หนังสือภายใน จดหมายราชการถือเป็นเอกสารหลักฐานในการทำงานของรัฐจึงต้องมีเลขที่ออกหนังสือ และมีทะเบียนรับส่งหนังสือ ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารเป็น ภาษาระดับทางการ

ประกาศทางราชการ  มักจะมีข้อความที่ค่อนข้างยาว และเกี่ยวเนื่องด้วยกฎหมาย โดยมีจุดประสงค์จะประกาศแจ้ง ให้บุคคลทั่วไปได้ทราบ และหวังผลในการปฏิบัติ ภาษาค่อนข้างเป็นทางการ รัดกุม มีลักษณะคล้ายหนังสือราชการทั่วๆไป       


การเขียนจดหมายธุรกิจ
        ประเภทจดหมายธุรกิจ
            - จดหมายสมัครงาน
           - จดหมายขอเปิดเครดิต หรือขอเปิดบัญชีเงินเชื่อ
           - จดหมายเสนอขายสินค้าหรือบริการ
           - จดหมายสอบถามและตอบสอบถาม
       รูปแบบของจดหมายธุรกิจ
           - จดหมายธุรกิจแบบราชการ
           - จดหมายธุรกิจแบบไทย
           - จดหมายธุรกิจแบบสากล

ความรู้ใหม่ที่ได้รับ
ขอแสดงความเคารพมักใช้กับผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เช่น การแสดงความเคารพต่อพ่อและแม่

ข้อเสนอแนะ

อาจารย์มีการยกตัวอย่างที่ดีทำให้เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น



นางสาวนิภารัตน์   รุมกิ่ง  55113400169 D1

วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557

บันทึกสะท้อนการเรียนรู้ครั้งที่7

1.)             ความรู้ที่ได้รับ
ความแตกต่างระหว่างวรรณคดีและวรรณกรรม
1.             วรรณคดี                            - ขึ้นอยู่กับระยะเวลา
-คนส่วนใหญ่  ทุกยุคทุกสมัยต้องยอมรับตรงกัน
-ตราด้วยวรรณคดีสโมสร
                                                -ต้องรอระยะเวลา เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของชนรุ่นหลังจึงจะถือว่าเป็นวรรณคดี
2. วรรณกรรม               
การเขียนกวีนิพนธ์   คือ  ร้อยกรองสร้างสรรค์ด้วยภาษาที่งดงาม  สร้างภาพพจน์เพื่อให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพ
1.    คำสัมผัสคล้องจอง  คือ  สัมผัสสระและสัมผัสพยัญชนะ
2.    คำสัมผัสนอก  คือ  สัมผัสระหว่างวรรค มักจะสัมผัสสระจึงจะมีความไพเราะ
3.    คำสัมผัสใน คือ สัมผัสภายในวรรคเดียวกัน  มักจะสัมผัสพยัญชนะจึงจะมีความไพเราะ
4.    คำเสียงสูง (จัตวา) คือ คำสุดท้ายของวรรครับ  ลงท้ายด้วยเสียงจัตวา
5.    คำไวพจน์ (พ้องความหมาย) คือ ความหมายเดียวกัน  แต่ใช้คำศัพท์ต่างกัน  เช่น พ่อ บิดา  บิดร
6.    คำเอก คำโท (มักใช้ในโคลงสี่สุภาพ)  คือ เสียงเอก  รูปเอก  แต่หากไม่มีคำเอก  ให้ใช้คำอื่นแทนแต่จะเรียกเอกโทษ  หรือโทโทษ
กวีนิพนธ์มี 5 ชนิด  ได้แก่
1.    โคลง
2.    ฉันท์
3.    กาพย์
4.    กลอน
5.    ร่าย
2.)             ความรู้ใหม่
                      งานเขียนส่วนใหญ่จะเป็นวรรณกรรม  ยกเว้นหนังสือเรียน  เพราะถือว่าเป็นหนังสือให้ความรู้  เป็นเอกสารประกอบการสอน
3.) ข้อเสนอแนะ
         การเรียนวันนี้สนุกค่ะ  ได้ตอบคำถามอย่างหลากหลาย  มีแบบทดสอบเพื่อวัดความรู้ว่านักศึกษามีความเข้าใจในเนื้อหานั้นๆหรือไม่  ถือได้ว่าเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนตอบโดยอาศัยความรู้เดิมหรือแม้แต่ความรู้รอบตัว  โดยที่บางครั้งผู้สอนเป็นเพียงผู้นำหน้าชั้นเรียน   เพื่อชี้นำให้นักศึกษาเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง



               นางสาวนิภารัตน์    รุมกิ่ง   55113400169  ตอนเรียน D1

วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557

อยากให้ประเทศไทยสงบสุข

ขอให้ประเทศไทยสุขสงบ " 
                   หากสยามยังอยู่ยั้ง                                                                     ยืนยง                                                 
   เราก็เหมือนอยู่คง                                                                               ชีพด้วย                            
       หากสยามพินาศลง                                                                            ไทยอยู่  ได้ฤา                               
เราก็เหมือนมอดม้วย                                                                         หมดสิ้นสกุลไทยฯ                
          
                 กว่ามาเป็นประเทศไทยได้ทุกวันนี้   บรรพบุรุษของไทยต้องแลกมาด้วยเลือดหลายล้านหยด  แลกมาด้วยชีวิตอีกหลายแสนหลายหมื่นชีวิต  กี่ครั้งที่บรรพบุรุษของไทยต้องเสียหยาดหยดน้ำตาเพื่อปกป้องบ้านเมืองไว้ให้ลูกให้หลานได้อยู่อาศัยอย่างสุขสบาย  แล้ววันนี้ทำไม คนไทยหันมาฆ่ากันเอง!!!”

               สถานการณ์ของประเทศในปัจจุบัน  นับวันยิ่งเพิ่มความรุนแรง  นับวันยิ่งเพิ่มความบาดหมาง  ต่างฝ่ายต่างคิดว่าตนเองทำถูก ต่างฝ่ายต่างต้องการชัยชนะ แล้วมีฝ่ายไหนบ้างที่จะนึกถึงลูกหลานตาดำๆที่กำลังซึมซับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจากสังคม  เหตุการณ์ที่พวกเขาเหล่านี้ต้องเผชิญ  คนไทยในอดีตที่รักใคร่สามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แต่ทุกวันนี้กำลังถูกสีที่สร้างขึ้นมา  ไม่ว่าเพื่อจุดประสงค์ใดก็ตามทำลายความเป็นคนไทย  เหตุการณ์ต่างๆมีประวัติศาสตร์ชาติไทยหรือแม้แต่ชาติอื่นๆเคยเป็นตัวอย่างให้ได้เห็นถึงความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นตามมาแล้วทั้งสิ้น   

               ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่รักสงบ  แต่แล้ววันนี้ทำไมคนไทยต้องมาทำร้ายกันเอง  ไม่ว่าฝ่ายใดจะชนะก็เปรียบเสมือนชัยชนะที่เป็นความสุขบนความทุกข์  ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางออก  ขอเพียงทุกฝ่ายลดความต้องการของตัวเอง  แล้วนำความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นแม้สักเล็กน้อยไปร่วมคิดพิจารณา  เพื่อร่วมกันแก้ไขอย่างสันติวิธี  ดิฉันเชื่อว่าคนไทยด้วยกันไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง  คนไทยด้วยกันไม่อยากฆ่าคนไทยด้วยมือของเพื่อนร่วมชาติ  เพราะฉะนั้นเราทุกคนจะสร้างความแตกแยกหรือจะสร้างความสามัคคี  เราทุกคนเลือกสร้างเองได้

                สุดท้ายดิฉันขอฝากทิ้งท้ายไว้ให้คนไทยทุกๆคนได้คิดตาม " บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ  ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า  เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา  หน้าที่เรารักษาสืบไป  ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า  จะได้มีพสุธาอาศัย  อนาคตจะต้องมีประเทศไทย   มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย  ถึงขู่ฆ่าล้างโคตรก็ไม่หวั่น  จะสู้กันไม่หลบหนีหาย  สู้ตรงนี้สู้ที่นี่สู้จนตาย ถึงเป็นคนสุดท้ายก็ลองดู  บ้านเมืองเราเราต้องรักษา อยากทำลายเชิญมาเราสู้ เกียรติศักดิ์ของเราเราเชิดชู เราสู้ไม่ถอยจนก้าวเดียว " ความสูญเสียที่มาจากการถูกชาติอื่นทำร้าย  ยังไม่น่าเสียใจเท่าความสูญเสียที่มาจากน้ำมือคนไทยด้วยกันเอง


นางสาวนิภารัตน์   รุมกิ่ง  55113400169   ตอนเรียน D1

วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2557

บันทึกสะท้อนการเรียนรู้ครั้งที่6

1.) ความรู้ที่ได้รับ
            โวหาร คือ กลวิธีในการใช้ภาษา ด้วยการเลือกสรรถ้อยคำมาเรียนเรียงในการเขียนเรื่องราวต่างๆ หรือพูดให้มีความหมาย สละสลวย เหมาะสมชัดเจน เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์
ประเภทของโวหาร
1.             บรรยายโวหาร = บอกเล่าเรื่องราว
2.             พรรณนาโวหาร = บรรยายเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้เห็นภาพ เกิดความคล้อยตาม
3.             เทศนาโวหาร = แนะนำสั่งสอน อบรม ให้ผู้อ่านปฏิบัติตาม
4.             อุปมาโวหาร = เปรียบเทียบ
5.             สาธกโวหาร = ยกตัวอย่าง
ภาพพจน์ คือ การใช้ถ้อยคำที่ไม่กล่าวตรงไปตรงมา แต่ทำให้เกิดภาพ และถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่ากว้างขวาง
ประเภทของภาพพจน์
1.             อุปมา = เปรียบเทียบ โดยใช้คำว่า เหมือน หรือคำที่มีความหมายใกล้เคียง
2.             อุปลักษณ์ = เปรียบเป็น ไม่มีคำเชื่อม มักใช้กับ คือและเป็น จะกล่าวเป็นนัย
3.             อธิพจน์/อติพจน์ = กล่าวเกินจริง
4.             อวพจน์ = กล่าวน้อยกว่าความจริง
5.             สัญลักษณ์ = ใช้แทนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ที่ถูกกำหนดไว้แล้ว และเข้าใจตรงกัน
6.             นามนัย = จะดึงเอาลักษณะบางส่วนของสิ่งหนึ่งมากล่าวให้หมายถึงส่วนทั้งหมด
7.             สัทพจน์ = เลียนเสียงธรรมชาติ
8.             บุคคลธิษฐาน/บุคคลวัต = ทำให้สิ่งไม่มีชีวิต แสดงความรู้สึกได้เหมือนคน
9.             ปฏิพจน์/ปฏิภาคพจน์ = ตรงกันข้ามอยู่ด้วยกัน
2.) ความรู้ใหม่
            วงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นอย่างวง Paradox มีชื่อไทยว่า ปฏิพจน์ หรือ ปฏิภาคพจน์
3.) ข้อเสนอแนะ
            สนุกกับการเรียนในวันนี้เพราะได้แสดงความคิดเห็น ถึงแม้จะตอบถูกหรือผิดอาจารย์ก็จะยิ้มแย้มอยู่เสมอ ไม่ว่ากล่าวจนทำให้เด็กไม่กล้าตอบค่ะ




นางสาวนิภารัตน์   รุมกิ่ง    55113400169    ตอนเรียน D1