วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บันทึกสะท้อนการเรียนรู้ครั้งที่3

1.) ความรู้ที่ได้รับ
ความหมายของการเขียน
                การเขียน หมายถึง การถ่ายทอดความรู้  ความคิด  ความรู้สึก  ความต้องการ และอื่นๆของผู้ส่งสารออกไปเป็นลายลักษณ์อักษร  เพื่อสื่อความหมายให้ผู้อ่านทำความเข้าใจเพื่อตอบสนองตามวัตถุประสงค์ของผู้เขียน
ลักษณะของภาษาเขียน
1.   ภาษาระดับพิธีการ  ถ้อยคำที่ใช้เป็นถ้อยคำระดับสูง ภาษาที่เป็นระดับพิธีการจึงเป็นภาษาที่งดงาม ไพเราะและประณีต ผู้ใช้ภาษาระดับนี้ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง  นอกจากจะใช้ในโอกาสสำคัญ เช่น ในงานพระราชพิธีแล้วยังใช้ในวรรณกรรมชั้นสูงอีกด้วย
2.    ภาษาระดับราชการ/ภาษาแบบแผน  การใช้ภาษาในระดับนี้มีทั้งการใช้ถ้อยคำระดับสูง  เช่น คำราชาศัพท์  คำแสดงความสุภาพ  และการใช้ถ้อยคำระดับสามัญที่ใช้เป็นภาษาราชการและใช้สื่อสารกันทั่วไปในภาษาไทย  แม้จะไม่ตกแต่งประณีตไพเราะเท่ากับภาษาระดับพิธีการ  แต่มีความชัดเจน  สุภาพ  สละสลวย  ใช้ในโอกาสสำคัญที่เป็นทางการ  และใช้ในการพูด  การเขียนวิชาการต่างๆ
3.      ภาษาระดับกึ่งทางการ  ใช้ในการติดต่อสื่อสารกับคนที่ไม่สนิทสนมกัน  หรือใช้ติดต่อธุรการงาน  และนำไปใช้เขียนบทความแสดงความคิดเห็น  สารคดีท่องเที่ยว  หรือเรื่องเล่าต่างๆ  ที่ผู้เขียนต้องการให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนฟังผู้เขียนเล่าเรื่องอย่างไม่เป็นทางการ  สร้างความคุ้นเคยให้กับผู้เขียนและผู้อ่าน
4.     ภาษาระดับสนทนา  เป็นภาษาที่ใช้สนทนาทั่วไปในชีวิตประจำวัน  กรณีที่ผู้ส่งสารคุ้นเคยกับผู้รับสารหรือในการติดต่องานทั่วไป  ใช้คำระดับต่ำ มีการใช้คำตัด คำย่อ  คำแสลง  แต่ไม่ใช้คำหยาบ 
5.     ภาษาระดับกันเอง/ภาษาปาก  เป็นภาษาที่ใช้สนทนากับผู้ที่สนิทสนมกันมากๆ  มักพูดในสถานการณ์ที่เป็นที่ส่วนตัวและเมื่อต้องการความสนุกสนานหรือในการด่าเมื่อทะเลาะกัน  ภาษาระดับกันเองนี้จะมีการตัดคำ  คำหยาบ  คำแสลง  คำต่ำ อยู่เป็นจำนวนมาก    
2.) ความรู้ใหม่
                สำนวนไทยที่ว่า ชักแม่น้ำทั้งห้าที่หมายถึง พูดจาหว่านล้อม สรรเสริญยกย่องบุญคุณ เพื่อขอสิ่งที่ประสงค์ แม่น้ำทั้งห้าที่กล่าวมีที่มาจากวรรณคดีวิจักษ์ เรื่องพระเวชสันดรชาดก ตอนกัณฑ์กุมาร ซึ่งแม่น้ำทั้งห้า เป็นแม่น้ำในฝั่งประเทศอินเดีย ได้แก่
               1.                  แม่น้ำอจิรวดี
               2.                  แม่น้ำคงคา
               3.                  แม่น้ำสรภู
               4.                  แม่น้ำมหิ
               5.                  แม่น้ำอนุมา
3.) ข้อเสนอแนะ
                   ความรู้พื้นฐานต่างๆที่ได้กล่าวไปแล้ว เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องศึกษาก่อนให้เกิดความรู้เบื้องต้น เพื่อที่จะได้นำไปใช้ในการคิด พิจารณา เรียนรู้เพิ่มเติมและฝึกฝนในรายละเอียดต่อไป การศึกษาอะไรก็ตามถ้าขาดพื้นฐานก็จะทำให้เกิดอุปสรรคปัญหาในการศึกษาระดับสูง  ทั้งในเชิงกว้างและเชิงรุกในอนาคต



นางสาวนิภารัตน์  รุมกิ่ง      รหัสนักศึกษา 55113400169      ตอนเรียน D1

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บันทึกสะท้อนการเรียนรู้ครั้งที่1

1.) สิ่งที่ได้เรียนรู้
โดยปกติแล้วเวลาที่นักเรียน/นักศึกษาได้ทราบว่าจะต้องเรียนวิชาที่เกี่ยวข้องกับภาษาไทย ไม่ว่าจะเป็นในระดับชั้นใดก็ตาม ทุกคนจะมีความคิดเห็นถึงภาพลักษณ์ครูภาษาไทยในจินตนาการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยอัตโนมัติว่า ครูผู้สอนภาษาไทยจะค่อนข้างเข้มงวดด้านระเบียบวินัย ทรงผม การแต่งกาย ในขณะที่ทำการสอนก็มักจะเน้นด้านเนื้อหาความรู้และท่านก็มักจะวางตัวแบบจริงจังอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้กลายเป็นวิชาที่พอได้ยินเพียงชื่อวิชาก็จะรู้สึกว่าไม่อยากเรียน สำหรับการพบกับอาจารย์ผู้สอนในรายวิชาทักษะการเขียนสำหรับครูในครั้งแรก ดิฉันรู้สึกประทับใจครูผู้สอน เพราะท่านมีความแตกต่างจากครูภาษาไทยที่เราเคยพบเจอ สำหรับวันนี้ถึงแม้จะเป็นเพียงการปฐมนิเทศ แต่ก็ทำให้ดิฉันหัวเราะและรู้สึกกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นได้ตลอดการเรียนการสอน. นอกจากนั้นถึงแม้จะยังไม่เคยเรียนเนื้อหาในรายวิชา แต่จากความประทับใจครูผู้สอนก็ส่งผลให้ดิฉันมีเจตคติที่ดีต่อรายวิชาทักษะการเขียนสำหรับครูนี้ด้วย
2.) ความรู้ใหม่  
หากครั้งแรกที่พบกันมีความรู้สึกดี มีความรู้สึกประทับใจ ก็มักจะส่งผลให้เรามองการกระทำของบุคคลนั้นเป็นด้านบวกอยู่เสมอ แม้บุคคลนั้นจะกระทำความผิดแต่ความประทับใจจากครั้งแรกก็จะทำให้เรามีความคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในทางกลับกันถ้าการพบกันครั้งแรกมีความรู้สึกที่ไม่ดี ก็ย่อมส่งผลให้เรามองเขาเป็นด้านลบตลอดเวลา ถึงแม้บุคคลผู้นั้นจะกระทำความดี แต่เราก็มีความคิดว่าเขายังทำไม่ดี และหากกระทำผิดเพียงเล็กน้อย เราก็มักจะมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นดิฉันจึงเชื่อว่าการพบกันในครั้งแรกจะเป็นความทรงจำที่ยาวนานและมีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อทัศนคติของคนเราที่จะมองบุคคลผู้นั้นต่อไปในอนาคต
3.) ข้อเสนอแนะ  
ความเป็นกันเองของอาจารย์ ดร.วัชรพล การเปิดโอกาสให้ซักถามข้อสงสัย ทำให้ช่องว่างระหว่างนักศึกษากับครูผู้สอนลดลง ทำให้นักศึกษากล้าที่จะแสดงออก และรู้สึกว่าตนเองมีส่วนร่วม